วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แอพพลิเคชั่นช่วยชีวิต!!! ตอนระเบิดราชประสงค์

แอพพลิเคชั่นช่วยชีวิต!!! ตอนระเบิดราชประสงค์


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้จะมาขอแนะนำแอพพลิเคชั่นที่ ควรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!! อย่างมากที่จะติดไว้บนมือถือของเพื่อนๆทุกคนค่ะ คือไม่ได้จะมาโปรโมทหรือเป็นหน้าม้าให้แอพนี้นะค่ะ เราแค่จะเล่าตามความจริงที่เราได้เจอในสถานการณ์ฉุกเฉินและได้ใช้งานแอพนี้จริงๆเริ่มแรกเลยแอพนี้ชื่อแอพ Safety and stories เราโหลดตามเพื่อน เพราะ เหมือนเพื่อนเราก็โหลดๆตามกันมา เราเลยแบบอยากลองใช้บ้าง ก็คือเราขอเล่าก่อนว่าแอพนี้อะ เป็นของเด็กมหาลัยทำกันขึ้นเองมา เพราะ แอพนี้เป็นของรุ่นพี่เราในมหาวิทยาลัยซึ่งพวกเค้ามา พีอาร์ตามห้องว่าให้ลองโหลดใช้ถ้ามีปัญหาหรือข้อติชมอะไรเค้าจะได้แก้ได้ถูกทาง เราเลยอยากสนับสนุนพวกเค้าเลยโหลดมาลองเล่นๆ กะว่าถ้าไม่ดีก็จะลบออก พอโหลดมาก็ให้เพื่อนสอนเล่น เพื่อนบอกว่ามันเป็นคล้ายๆ แอพเพื่อความปลอดภัย มันก็สอนๆ แต่เราก็ไม่ได้อะไรมากก็แค่ฟังๆไป เพราะ คิดว่ายังไงก็ไม่ได้ใช้จริงอยู่แล้ว แต่ไม่จริงเลยค่ะ เหตุการณ์ร้ายๆจะมาโดยไม่ทันตั้งตัว นี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดกับเรา ไม่มีการแต่งเรื่องใดๆค่ะ

เรื่องมีอยู่เมื่อหลายเดือนก่อนอย่างที่เพื่อนๆทราบกัน มีระเบิดเกิดขึ้นที่ราชประสงค์ตรงพระพรหมใช่ไหมค่ะ เมื่อปีก่อน  นั้นและวันนั้นเราออกจากบ้านตอนเย็นๆกะว่าจะไปขึ้นรถตู้จากสยามกลับหอที่มหาลัย ตอนนั้นประมาณเกือบ 6 โมงกว่าๆ เราก็ถึงสยามแล้วค่ะ จำได้ว่ามืดแล้ว ก็ลงรถไฟฟ้ากะว่าจะไปเดินขึ้นรถตู้ แต่ก็แวะเดินดูของนิดหน่อย สักพักเราเดินอยู่ตรงสะพานลอยจะลงไปที่วินรถตู้ข้างๆ ไม่แน่ใจตรงนั้นน่าจะเป็นร้าน บูท แต่ยังไม่ทันได้ลงเลย ได้ยินเสียงดังมากๆ แต่ไม่คิดว่าระเบิด แต่ก็รีบลงจากสะพานลอยเพราะกลัว บวกกับตอนนั้นแบตโทรศัพท์จะหมด คนที่บ้านก็โทรมาไม่หยุด เพราะ เค้าอยู่บ้านดูข่าวกันหมด โทรมาแบบแบตเราเหลือน้อยมาก ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ทำไง ถามรถตู้พี่เค้าก็บอกยังไม่ออกครับ ยังอันตรายอยู่เลย แล้วตรงหน้าเรารถหว๋อวิ่งเต็มเลยค่ะ เรากลัวมากกกก แบบทำไรไม่ถูกกลับบ้านดีไหม หรือไปมอดี เพราะ อีกวันเรามีควิซ แล้วทางกลับบ้านก็อันตรายค่ะ ไม่มีรถวิ่งไปทางนั้นเลย ไม่กล้าขึ้นรถไฟฟ้าด้วยค่ะ  เราเลยกำลังเช็คโทรศัพท์แล้วจำได้ว่ามีแอพพลิเคชั่นนี้ ที่สามารถส่งที่อยู่ปัจจุบันได้ หรือ location เราเลยส่งโลเคชั่นไปให้คนที่บ้านพ่อแม่ญาติๆให้พวกเค้าเลิกโทรตามเราเพราะเดี๋ยวแบตหมด  พร้อมกับกด notify ว่าเราตกอยู่ในอันตรายให้คนในบริเวณใกล้เคียงที่สามารถช่วยเราได้รู้ค่ะ สักเกือบ 2 ทุ่ม รถตู้ก็บอกว่าจะออกรถแล้ว เราเลยตัดสินใจกลับดีกว่า เพราะ ไหนๆก็นั่งอยู่ตรงนี้ไม่กล้าขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านแล้ว ขึ้นรถตู้กลับหอง่ายกว่า เราเลยกลับหอค่ะ ระหว่างทางแบตเราก็หมดแล้ว ไม่มีใครติดต่อเราได้  ภาวนาอยู่ในใจขอให้ไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้น แต่ก็ถึงหออย่างปลอดภัยค่ะ พอถึงแล้วเราก็โทรหาพ่อแม่ พร้อมกับเชคอิน จากแอพนั้นว่าเราถึงหออย่างปลอดภัยแล้ว คือมันดีตรงที่คนที่บ้านสบายใจค่ะ แบบไม่ต้องเป็นกังวล เพราะไม่ใช่แค่พ่อแม่ที่โทรมาแต่ญาติๆก็กระหน่ำโทรมาอีก ลืมบอกไปว่าแอพนี้เราสามารถใส่ผู้ปกครองได้ 7 คน แบบเราอยากให้ใครรู้เวลาเราตกอยู่ในอันตราย เราเลยใส่ญาติเราเข้าไปด้วย หรือว่านั่งรถไปไหนมาไหนคนเดียว สามารถบอกให้คนเหล่านี้ทราบได้ มันจะทำให้ชีวิตเราปลอดภัยขึ้นจริงๆนะ บางที่เราอยู่ในสถานการณ์ขับขันจริงๆ แบบเราแบตจะหมด บางคนโทรศัพ์ยอดเงินไม่มีอ่ะ นี้เป็นทางเลือกที่ดีมากๆสำหรับทุกๆคน และนี้คือเหตุการณ์จริงๆที่เราเจอ แบบไม่คาดฝัน ถึงเราจะไม่ได้เป็นอันตรายอะไรแต่เราก็กลัวจริงๆ เสียงมันดังมาก 


แอพนี้ยังสามารถตั้ง Milestone ได้ด้วยค่ะ แบบว่าสมมุติว่าเราไปเที่ยวกลางคืน แล้วเราไม่สามารถบอกให้คนที่บ้านทราบได้ ฟังก์ชั่นตัวนี้เราสามารถเลือกใครก็ได้ เพื่อนเราก็ได้ แฟนก็ได้ แค่ ตั้งโลเคชั่น อย่างเช่น เราจะไปทองหล่อ กดเซฟ และเลือกเบอร์โทรศัพท์ของพี่ชายเรา โทรศัพท์ของพี่ชายเราก็จะขึ้นแจ้งเตือนว่าเรากำลังจะไปทองหล่อ แล้วพี่เราก็สามารถเช็คได้ด้วยว่าเราถึงไหนแล้วเป็นแบบ live location เค้าก็เช็คเราได้ว่าถึงไหนแล้วค่ะ
คือเราเห็นว่ามันมีประโยชน์จริงๆ เราเลยอยากเอามาบอกให้เพื่อนๆคนรู้ด้วย  ขอโทษด้วยนะคะนี้เป็นกระทู้แรก ถ้าผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

ตำรากฎหมาย

ตำรากฎหมายของประเทศไทยที่ใช้ประมวลมีสองประเภท คือ ที่เขียนอธิบายเรื่องมาตราประเภทหนึ่ง และ ตำราที่เขียนเป็นระบบโดยไม่คำนึงถึงการเรียงมาตราของกฎหมายอีกประเภทหนึ่ง แต่ทั้งสองก็เป็นหลักเกณฑ์ทั่วไป และ ทฤษฎีทั่วไปเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่เป็นรากฐานในการเขียนตำรานั้นๆ

   ตำรากฎหมายของประเทศที่ใช้ระบบ Common Law มักจะไม่ค่อยมีหลักต่างๆ ส่วนมากเป็นการจำแนกแยกแยะของคำพิพากษาต่างๆ และ แสดงให้เห็นถึงสาระและความถูกต้องของคำพิพากษา ผู้พิพากษาหรือทนายความในการพิจารณาคดีหลังๆ มักจะอ้างคำพิพากษาในคดีก่อนๆมากกว่าอ้างหลักเกณฑ์ที่เขียนในตำรา



อ้างอิงมาจาก : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีพิพากษาอรรถคดี

ศาลของประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย ย่อมนำตัวบทกฎหมายมาปรับข้อเท็จจริงในคดีโดยศาลใช้กฎหมายหรือตีความในกฎหมาย จึงเห็นได้ว่าในการพิพากษาคดีเป็นการนำหลักทั่วไปมาปรับแก่คดี

แต่ในประเทศที่ใช้ระบบ กฎหมาย Common Law เมื่อศาลพิจารณาได้ข้อเท็จจริงแล้ว ผู้พิพากษาก็จะไปค้นคำพิพากษาที่เคยพิพากษามาแล้วสำหรับข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน นำมาใช้คำพิพากษาเทียบเคียงต่อไป 
ความแตกต่างยังมีในกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ ซึ่งเรียกกันว่า ช่องว่างในกฎหมาย ศาลในประเทศที่ใช้ระบบ Common Law นั้นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะค้นหลักเกณฑ์ที่จะพิพากษาคดีอยู่แล้ว แต่ศาลของประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมายย่อมลำบากอยู่บ้าง เพราะ ผูกมัดอยู่กับตัวบทกฎหมาย กฎหมายของประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมายบางประเทศได้กำหนดวิธีอุดช่องว่างของกฎหมาย และการอุดช่องว่างของกฎหมายนี้ย่อมเป็นกรณีที่ศาลในประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายสร้างกฎหมายขึ้น 

ตามที่กล่าวมา การศึกษาความรู้เบื่องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปจำต้องพิจารณาระบบของกฎหมายไทยทั้งหมด และจะนำมาเอาตำราธรรมศาสตร์ของต่างประเทศมาใช้เทียบเคียงได้


อ้างอิงมาจาก : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย

การค้นคว้าหรือการวิจัยในทางกฎหมาย

การค้นคว้าหรือกาารวิจัยในทั้งสองระบบนี้มีความแตกต่างกัน ในประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมาย จะต้องตั้งต้นที่ประมวลกฎหมายหรือพระราชบัญญัติ เมื่อเจอตัวบทที่ต้องการแล้ว ก็ไปค้นคว้าตำรากฎหมายที่อธิบายตัวบทนั้นๆ ส่วนคำพิพากษามาเป็นที่สามและในประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมายไม่ถือหลัก แบบอย่าง คำพิพากษา เพราะ คำพิพากษาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น

แต่ประเทศที่ใช้ระบบกฎหมาย Common Law การค้นคว้าต้องเริ่มต้นที่คำพิพากษาเว้นแต่เรื่องที่ค้นคว้าจะได้มีบทบัญญัติของพระราชบัญญัติกำหนดไว้ แม้จะมีบทบัญญัติกำหนดไว้ แต่การตีความนั้นมีผลผูกมัดตามคำพิพากษาต่อๆมาโดยถือว่าเป็นแบบอย่าง ซึงต่างกับประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย ซึ่งไม่ผูกมัดกับคำพิพากษาต่างๆ โดยคำพิพากษาทุกฉบับก็อ้างตัวบทมาตราของกฎหมายนั้น



อ้างอิงมาจาก : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย

การศึกษากฎหมาย

การศึกษากฎหมายย่อมขึ้นต่อระบบแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ในประเทศนั้นๆ ด้วย เพราะ จะต้แงจัดการการศึกษาให้เข้ากับความคิดใในทางกฎหมายของระบบแห่งกฎหมายนั้นๆ การสอนกฎหมายจึงหนักไปทางความเข้าใจในตัวบท และ หลักต่างๆ การสอนได้ชี้ให้เห็นว่า ศาลหรือผู้ใช้กฎหมายอื่นจะต้องตั่งต้นจากตัวบทกฎหมาย แต่ตรงกันข้าม กับการสอนในประเทศที่ใช้ระบบ Common Law ย่อมจะให้เน้นความสำคัญอันดับแรกอยู่ที่คำพิพากษาที่ศาลได้พิพากษาไปแล้ว และ ได้แสดงให้เห็นถึง บทบาทของพระมหากษัตริย์ในการพัฒนากฎหมายและทำให้กฎหมายมีข้อความอันนึงอันเดียวกัน

นักกฎหมายที่มีชื่อของประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย  คือ ซาวินยี ( Savigny ) ในเยอรมัน หรือ ปลายอน ( Planion ) ในฝรั่งเศส ส่วนในประเทศที่ใช้ระบบ Common Law นักกฎหมายที่มีชื่อ ได้แก่ สตอรี่        ( Story ) ในสหรัฐอเมริกา และ โค้ก ( Coke ) ในอังกฤษ



อ้างอิงมาจาก : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย


วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ตำรากฎหมาย

ตำรากฎหมายของประเทศที่ใช้ประมวลมีสองประเภทคือ ที่เขียนอธิบายเรื่องมาตรา กับ ตำราที่เขียนเป็นระบบโดยไม่นึกถึงการเรียงมาตราของกฎหมายอีกประเภทหนึ่ง แต่ไม่ว่าตำราประเภทใดก็เขียนพยายามแสดงให้เห็นหลักเกณฑ์ทั่วไป และเรียบเรียงทั่วไปเกี่ยวกับประมวลกฎหมาย
 ตำราของประเทศที่ใช้ระบบ Common Law มักจะไม่ค่อยมีหลักต่างๆ ส่วนมากจะแยกแยะคำพิพากษาต่างๆที่ตัดสินไปแล้วโดยมีความมุ่งหมายที่จะแยกคำพิพากษาออกเป็นเรื่องๆ และ แสดงให้เห็นความแตกต่างของหลักเกณฑ์ ผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีหลังๆ มักจะอ้างคำพิพากษาในคดีก่อนๆ มากกว่าการอ้างถึงหลักเกณฑ์เขียนในตำรา

ข้อสังเกตุ ในประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายนั้นหลักต่างๆที่ปรากฎในตำรากฎหมาย แม้จะไม่ใช่ที่มาของกฎหมายก็จริง แต่ก็ยังมีอิทธิพลในการพัฒนากฎหมายเป็นอันมาก


อ้างอิงมาจาก : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

เปรียบเทียบระบบ Common Law และระบบ Civil Law


1. ระบบ Common Law

ได้มีแหล่งกำเนิดที่ประเทศ อังกฤษ เป็นประเทศแรก ทั้งนี้ เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ในทางการเมือง เศรษฐกิจ และ สังคม ตลอดจนกฎหมายที่มาจากลัทธิศักดินา เนื่องจาก สิทธิและหน้าที่ของคนจะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสถานะของบุคคลตามท้องถิ่น แต่ต่อมากษัตริย์พยายามตั้งศูนย์กลางขึ้น จึงทำให้เกิดการขัดแย้งกับท้องถิ่นอย่างรุนแรง แต่พระมหากษัตริย์ในฐานะเป็นผู้พิพากษาสูงสุดและเป็นที่มาแห่งความยุติธรรม จึงจัดตั้งศาลของพระองค์เอง และ ส่งคำพิพากษาทั่งราชอาณาจักร โดยก่อตั้งหลักเกณฑ์ทั่วไปขึ้น ซึ่งเป็นสามัญ ( Common ) โดยเหตุนี้จึงเกิดมีกฎหมาย Common Law จนกระทั่งบัดนี้

    การนำ Common Law มาใช้แก่คดีอาจเกิดสถานการณ์ที่แข็งกระด้างไม่เป็นธรรม จึงได้คิดหาทางแก้โดยกำหนดขึ้นใหม่ และโดยวิธีที่พระมหากษัตริย์ในฐานะรัฐาธิปัตย์ได้โอนกำหนดให้แก่ "Chancellor of the Royal Court" จึงได้มี  Court of Chancery ขึ้น นับแต่นั้นเป็นต้นมากฎหทายจึงประกอบไปด้วย กฎหมายลายลักษณ์อักษร และ  Common Law รวมทั้ง Equity ซึ่ง Court of Chancery ได้พัฒนาขึ้น 








2.ระบบ  Civil Law


ประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายนี้ มีต้นตอมาจากระบบกฎหมายแพ่งของโรมัน ซึ่งใช้บังคับกับคนพื้นเมืองหรือชาวโรมัน ที่ได้รับเอกสิทธิ์ที่จะตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายนี้ ในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิจัสติเนียนได้รวบรวมกฎหมายที่สำคัญและได้ทำประมวลกฎหมายขึ้น และต่อมาในยุโรปก็นำกฎหมายนี้ไปใช้เสมือนกฎหมายของตน บางครั้งจึงเรียกระบบกฎหมายนี้ว่า "ระบบกฎหมายภาคพื้นยุโรป" ภายหลังได้พัฒนาไปเป็นระบบกฎหมายแพ่งของ ฝรั่งเศส และของ เยอรมัน 

   การตีความบทบัญญัติประมวลกฎหมายมีลักษณะเป็นกฎหมายที่วางหลักทั่วไป การตีความจึงต้องตีความอย่างใจกว้างเพื่อจะได้ใช้เป็นรากฐานในการพิพากษาคดีที่ได้เกิดขึ้นเมื่อมีสถานการณ์ใหม่ๆ ต้องนับถือกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภาอย่างมากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ในประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายนั้น หลักฐานต่างๆที่ใช้ในการร่างกฎหมาย เช่น คำอภิปรายต่างๆ คำอธิบาย ได้ใช้เป็นหลักฐานในการตีความ โดยแสดงให้เห็นเจตนารมย์ของกฎหมาย และพิมพ์เอกสารดังกล่าวนั้นออกมาเป็นทางการจำหน่ายแก่ประชาชน


อ้างอิงมาจาก : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทัย